คนจำนวนมาก “เชื่อ” ว่า ถ้าเรามีข้อมูลมากขึ้น เราจะ “กล้า” ตัดสินใจมากขึ้น และ จะสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
เรื่องที่เราอาจจะลืมคิดกันไปก็คือ ข้อมูลที่มากขึ้น ไม่ได้การันตีว่าเราจะตัดสินใจได้ดีขึ้น และ ไม่ว่าจะมีข้อมูลเท่าไหร่ เราก็อาจจะยังรู้สึกว่าไม่พอสำหรับการตัดสินใจอยู่ดี
เพราะไม่มีข้อมูลอะไร ที่บอกอนาคตได้ 100% ถ้าคิดว่าต้องรอให้มีข้อมูลครบก่อนค่อยตัดสินใจ…สุดท้าย เราอาจจะไม่ได้ตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่าง
คำถามคือ แล้วเราจะออกจากกับดักนี้ได้ยังไง?
วันนี้วรรณเลยอยากมาแชร์ การปรับวิธีคิดเล็กๆ ที่มี impact มหาศาลกับวิธีการตัดสินใจของเรา ที่สำคัญ มันจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น เร็วขึ้น และไม่มัวแต่กลัวข้อผิดพลาดจนไม่กล้าทำอะไร
เปลี่ยนวิธีคิดจาก “ความสมบูรณ์แบบ” (Perfection) เป็น “ความน่าจะเป็น” (Probability)
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เราตัดสินใจยาก คือเรามักจะอยากได้คำตอบที่ “สมบูรณ์แบบ” ค่ะ
เราคิดว่า ต้องมีข้อมูลครบ ต้องมั่นใจ 100% ก่อนค่อยตัดสินใจ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตัดสินใจที่ดี ไม่ใช่การพยายามเก็บข้อมูล จนมั่นใจ 100% แต่เป็นการเลือกตัวเลือกที่ “ดีที่สุด” ใน condition ที่เรามีอยู่ (ข้อมูล เวลา ทรัพยากร ฯลฯ)
หรือพูดง่ายๆ คือ เราไม่ได้กำลังมองหาความสมบูรณ์แบบ แต่เรากำลังบริหาร “ความน่าจะเป็น” และ “ความไม่แน่นอน” ต่างหาก
แนวคิดนี้มีที่มาจากนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญหลายคน หนึ่งในนั้นคือ Annie Duke ผู้เขียนหนังสือ Thinking in Bets ที่ใช้แนวคิดนี้จนเป็นแชมป์ poker มืออาชีพ และปัจจุบันเป็นอ.สอนอยู่ที่ Harvard และ U Penn
Annie แนะนำให้เรามองทุกการตัดสินใจเหมือนกับการ “เดิมพัน” (bet) เพราะทุกทางเลือกมีความเสี่ยงหมด เพียงแค่เราจะเดิมพันกับทางเลือกไหนที่มีความน่าจะเป็นที่ดีที่สุด
การ frame การตัดสินใจ ในรูปแบบของการเดิมพัน และ ความน่าจะเป็น จะช่วย shift focus ของเรา จากการมองหาความแน่นอนของผลลัพธ์หนึ่งแบบ เป็นการมองผลลัพธ์ทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงโอกาสเกิดของผลลัพธ์แต่ละแบบ ซึ่งจะช่วยให้เราตัดสินใจได้เร็วขึ้น (เพราะไม่ต้องรอจนมั่นใจ 100%) และ ดีขึ้น (เพราะเราได้พิจารณาความไม่แน่นอนต่างๆ และวางแผนรับมือกับมันล่วงหน้า)
คิดแบบความน่าจะเป็น ทำยังไง?
- ยอมรับความไม่แน่นอน (Embrace Uncertainty) – เริ่มจากการยอมรับและเข้าใจว่า ในโลกนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน 100%
- พิจารณาผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมด (Thinking in range) – แทนที่จะมองแค่ผลลัพธ์อย่างเดียว ให้มองภาพรวมว่า มีอะไรบ้างที่เป็นไปได้
- ประเมินโอกาสเกิดขึ้นของผลลัพธ์แต่ละแบบ (Probability assessment) – ถามตัวเองว่า ผลลัพธ์แต่ละแบบ มีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน
- คิดล่วงหน้า และ เตรียมแผนรับมือเหตุการณ์แต่ละแบบทั้งความสำเร็จและล้มเหลว (uncertainty management)
- ตัดสินใจ และ เรียนรู้จากการตัดสินใจนั้น (Decide, then learn)

ถ้ายังไม่กล้าตัดสินใจอยู่ดี ลองเคล็ดลับ 3 ข้อนี้
วรรณเข้าใจค่ะว่า ต่อให้คิดล่วงหน้ายังไง หลายๆคนก็ยังลังเลที่จะตัดสินใจอยู่ดี เพราะกลัวผลลัพธ์ด้านลบ กลัวความผิดพลาด ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมชาติของคนเรา ที่มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ไม่ดี จนบางครั้งยอมเสียโอกาสที่จะได้รับอะไรดีๆ (เราเรียกมันว่า loss aversion)
แต่ถึงจุดนึง ถ้าเราต้องการผลลัพธ์ เราก็ต้องตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจและลงมือทำ คือวิธีเดียว ที่เราจะเปลี่ยนแปลงโลกรอบตัวเราและสร้างสรรค์ผลลัพธ์อะไรสักอย่างขึ้นมาได้
ถ้าเราใช้วิธีคิดแบบความน่าจะเป็นแล้ว เตรียมแผนรับมือผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังรู้สึกไม่กล้าตัดสินใจอยู่ดี ลองใช้เคล็ดลับ 3 ข้อนี้ เพื่อลดความกังวลดูค่ะ
✅ ประเมินว่าการตัดสินใจนั้นเป็น one-way door หรือ two-way door
Framework การตัดสินใจที่ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ใช้ การตัดสินใจแบบ one-way door คือการตัดสินใจที่ย้อนกลับไปแก้ไขได้ยาก หรือ ไม่ได้แล้ว และมีผลต่อเนื่องกับเรื่องอื่นๆ ส่วน two-way door คือการตัดสินใจที่เราสามารถเปลี่ยนใจทีหลังได้ โดยไม่มีผลเสียมากนัก ถ้าคิดแล้วว่า เรื่องที่เรากำลังตัดสินใจอยู่เป็น two-way door เราก็ไม่ต้องลังเลจนเกินไป เพราะยังสามารถเปลี่ยนใจทีหลังได้
✅ เริ่มจากเรื่องเล็กๆ (Start Small)
แทนที่จะตัดสินใจแบบทุ่มหมดหน้าตัก ลองทำแบบทดลองเล็กๆ (pilot หรือ experiment) ก่อน เพื่อลดความเสี่ยง
✅ กำหนดขอบเขตความเสี่ยง (Set Boundaries)
ก่อนตัดสินใจ เรากำหนดไว้เลยว่าเรายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเวลา เงิน หรือความสัมพันธ์ เช่น ยอมเสียเวลาไม่เกิน 3 เดือน ถ้าไม่เวิร์คค่อยหยุด ที่สำคัญ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เราพัง จนกลับมาไม่ได้ (ที่ Naval เรียกมันว่า avoid total ruin)

สุดท้ายก่อนจากกันวันนี้
โลกเราเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมองหาความแน่นอน คือการยึดติดกับภาพลวงตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์เรา ถ้ามองว่า การใช้ชีวิต คือ การล่องเรือกลางมหาสมุทรใหญ่ ที่เต็มไปด้วยคลื่นลม การมีวิธีคิด และ ตัดสินใจที่ดี จะช่วยให้เราหันหัวเรือไปในทิศทางที่เราต้องการ และไปถึงฝั่งในที่สุด
เราไม่จำเป็นต้องมีคำตอบที่ดีที่สุดเสมอไป แต่เราควรมีวิธีคิดที่ดีที่สุด เพื่อให้ทุกๆ การตัดสินใจ พาเราเข้าใกล้ชีวิตที่เราต้องการไปอีกก้าว
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน และทำให้การตัดสินใจครั้งต่อไปของคุณง่ายขึ้นนะคะ
ถ้าอยากได้บทความในรูปแบบอื่นเพิ่มเติม หรืออยากแชร์ feedback อะไร คอมเมนท์บอกกันได้เลยนะคะ


Leave a comment