ตั้ง Goal ยังไง ไม่ให้ Fail กับ Goal-setting 3 แบบ

จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจ และ การ take action แทบทุกครั้ง มาจากการที่เราต้องการอะไรสักอย่าง หรือเรียกได้ว่า เรามีเป้าหมาย (goal) ที่เราอยากได้ อยากเป็น หรือ ต้องการให้มันสำเร็จ

ซึ่งการตั้งเป้าหมาย (goal-setting) ฟังดูไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะเราทุกคนต่างก็เคยตั้งเป้าหมาย เคย set goal กันมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง

ทุกปีใหม่ คนนับล้าน set goals ตั้ง new year resolutions มากมาย จะแข็งแรง จะสุขภาพดี จะเก่ง จะรวย …. แล้วพอเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ฟิตเนสก็เริ่มโล่ง รองเท้าวิ่งคู่ใหม่ก็เริ่มฝุ่นจับ ส่วน online course ที่สมัครไว้ ก็ถูกดองไม่มีกำหนด

เหตุผลที่ goals ส่วนใหญ่ที่เราตั้งไว้จะ fail ก็เป็นเพราะว่า เวลาเราพูดถึงการตั้ง goals ส่วนใหญ่แล้ว เราจะคิดถึงแต่สิ่งที่เราอยากได้ เช่น อยากแข็งแรง อยากรวย อยากเก่ง หรือในทางธุรกิจ ก็เช่น อยากเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า เราเรียกผลลัพธ์ที่เราอยากได้พวกนี้ว่า “outcome goals”

การโฟกัสที่ outcome goals อย่างเดียว ไม่ใช่วิธีที่มีประโยชน์เท่าไหร่เพราะว่า ไม่เพียงแต่เราควบคุมผลลัพธ์ (outcome) ไม่ได้แล้ว มันยังไม่ได้ช่วยบอกเราว่า เราควรทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เราต้องการ (action) แล้วระหว่างทาง เราก้าวหน้ามาแค่ไหนแล้ว (progress)

นักวิจัยด้าน goal-setting เลยเสนอการตั้ง goal เป็น 3 รูปแบบ ก็คือ outcome goals, performance goals, และ process goals ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันแพร่หลายในการแข่งขันกีฬา (sports psychology) และ ถูกนำมาใช้ในทางธุรกิจด้วยเช่นเดียวกัน

3 types of goals

  • Outcome goals: คือผลลัพธ์ที่เราต้องการ (the “what”) คือสิ่งที่เราใฝ่ฝันอยากจะได้ อย่างเช่น นักเทนนิสที่อยากจะชนะการแข่งขัน Wimbledon นักวิ่งที่อยากชนะการแข่งวิ่งมาราธอน หรือ นักธุรกิจที่อยากเพิ่มยอดขายสัก 2 เท่า เป้าหมายพวกนี้ อาจจะช่วยมอบแรงบันดาลใจ แรงผลักดันให้กับเรา แต่ส่วนใหญ่แล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่เราควบคุมได้โดยตรง นักกีฬาที่ซ้อมหนักทุกวัน ก็ไม่ได้การันตีว่าจะชนะ
  • Performance goals: คือการสร้าง standard ให้กับตัวเอง ว่าเราต้องทำได้ดีขนาดไหน (”how well”) เป็นสิ่งที่ใช้วัดความก้าวหน้า (progress) ว่าเราเข้าใกล้ outcome goals ของเราขนาดไหน
  • Process goals: คือ actions ที่เราต้องทำ เพื่อไปให้ถึง performance goal และ outcome goal ของเรา เป็นสิ่งที่อยู่ใต้ความควบคุมของเราเต็มที่
TypeFocusControl LevelExample in sportsExample in business
Outcome GoalEnd result
(”What” we want)
LowFinish a marathonDouble client retention rate
Performance GoalProgress
(”How well” )
ModerateFinish 10k in 1 hourIncrease email engagement by 25%
Process GoalActions/behaviors
(”What actions”)
HighPractice 5 times/weekSend a weekly newsletter

เช่น ถ้าเราตั้งเป้าหมาย จะวิ่งมาราธอนให้สำเร็จ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า outcome goal การจะไปถึงจุดนั้น เราต้องการสิ่งที่เรียกว่า performance goal และ process goal

outcome goal = วิ่งมาราธอนได้จบภายในเวลาที่กำหนด

performance goal = วัดความก้าวหน้า เช่น วิ่ง 10k ภายในเวลา 1 ชม.

process goal = ฝึกซ้อมอาทิตย์ละ 5 วัน


เราต้องการ goals ทั้ง 3 แบบเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของเรา outcome goals เป็นเหมือนดาวนำทางสร้างแรงบันดาลใจ เป็นผลลัพธ์สุดท้ายที่เราต้องการ performance goals เพื่อ track progress ว่าเรามาไกลขนาดไหนแล้ว และยังต้องไปต่ออีกไกลแค่ไหน และ process goals เพื่อบอกเราว่า ในแต่ละวัน เราต้องทำอะไร ต้องสร้างนิสัยแบบไหน เพื่อก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง

Why most goals fail

  • Focus กับ outcome goals มากเกินไป ทำให้เราละเลย process ที่จำเป็นในการไปถึง outcome ที่เราต้องการ และบางครั้ง การ focus กับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของความเครียด
  • Focus กับ performance ในระยะสั้นมากเกินไป โดยเน้นที่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ทันที อาจส่งผลกระทบกับความสำเร็จในระยะยาวได้
  • ลืมไปว่า process goals มีไว้เพื่อ serve outcome goals เท่านั้น ถ้าเมื่อไหร่ process goals ของเรา ไม่ตอบโจทย์ outcome goals อีกต่อไป เราต้องอย่าลืมเปลี่ยน process goals อย่าปล่อยให้มันกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จนลืมไปว่า จุดมุ่งหมายแต่แรกของมันคืออะไร

Discover more from Decision Booster

Subscribe to get the latest posts sent to your email.