ความต่างของ การตัดสินใจที่ดี กับ ผลลัพธ์ที่ดี – บทเรียนที่สำคัญที่สุดในวิชาการตัดสินใจ

A Decision Game

ถ้าให้เลือกเล่นได้ 1 เกมส์ คุณจะเลือกเล่นเกมส์ไหน

A: ให้ทายว่าลูกเต๋าจะออกเลขไหน ระหว่าง 1-6 ถ้าทายถูก จะได้เงิน 1000 บาท

B: ให้ทายว่าเหรียญจะออก หัว หรือ ก้อย ถ้าทายถูก จะได้เงิน 1000 บาท

หลายๆคนจะเลือกเกมส์ B เพราะมีโอกาสชนะถึง 50% เทียบกับเกมส์ A ที่มีโอกาสชนะแค่ประมาณ 17% (1/6)

ทีนี้เราก็ทอยลูกเต๋าและโยนเหรียญกัน ปรากฏว่า คนที่เลือกเล่นเกมส์ A ชนะ และได้เงินรางวัลไป ส่วนคนที่เลือกเล่นเกมส์ B แพ้ และอดได้เงินรางวัล

คำถามคือ ใครมีการตัดสินใจที่ดีกว่ากัน ระหว่าง คนที่เลือกเล่นเกมส์ A กับ คนที่เลือกเล่นเกมส์ B? และถ้าเรามีโอกาสเล่นเกมส์นี้อีกครั้ง เราจะเลือกเล่นเกมส์ไหน?

แทบทุกคน คงเคยมีประสบการณ์ ที่เราตัดสินใจบางเรื่องอย่างละเอียดถี่ถ้วน คิดแล้วคิดอีก แต่ผลลัพธ์กลับออกมาไม่ดี แล้วมองไปอีกทาง ก็เห็นคนที่ตัดสินใจทำเรื่องที่ไม่ควรทำ หรือไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ผลลัพธ์ดันออกมาดี แล้วเราก็บอกกับตัวเองว่า “โลกมันไม่ยุติธรรม” หรือว่า “รู้งี้….”

ในโลกความเป็นจริง ที่เราไม่สามารถ “รู้งี้…” ได้ล่วงหน้า ไม่ว่าผลลัพธ์ของเกมส์แรกจะเป็นยังไง ครั้งถัดไปเราก็ควรเลือกเล่นเกมส์ B (โยนเหรียญ) อยู่ดี เพราะมันคือ “การตัดสินใจ”ที่ดีกว่า

DECISION VS OUTCOME

นี่คือบทเรียนที่สำคัญที่สุดในวิชา Decision Making ที่นักศึกษาป.โท ป.เอก ต้องเรียนตั้งแต่วันแรกของ Class Decision Analysis นั่นคือ การแยกให้ออก ระหว่างคุณภาพของ “การตัดสินใจ” (Decision) กับ คุณภาพของ“ผลลัพธ์” (Outcome)

ถ้าเราเรียนรู้แค่เพียง concept เดียว เกี่ยวกับ Decision Intelligence ก็ขอให้เป็นเรื่องนี้

  • การตัดสินใจ (Decision) – ถ้าให้พูดภาษาบ้านๆ คือการเลือกระหว่างทางเลือกตั้งแต่ 2 ทางขึ้นไป
  • ผลลัพธ์ (Outcome) – คือเลือกเสร็จแล้ว ผลมันออกมาเป็นยังไง

คนเรามีแนวโน้ม ที่จะตัดสินคุณภาพของการตัดสินใจ จากผลลัพธ์ที่ออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์การตัดสินใจ (Decision Scientist) เรียกกันว่า Outcome Bias

ตัวอย่าง Classic ตัวอย่างนึงที่แยกให้เห็นความต่างระหว่าง การตัดสินใจและผลลัพธ์ คือเรื่องเมาแล้วขับ … ลองสมมติว่าคุณไปงานปาร์ตี้กับเพื่อนแล้วขับรถไป สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้มี 4 อย่าง .

  1. คุณเลือกที่จะไม่ดื่ม (good decision) และคุณก็ขับรถกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย (good outcome): การที่เรามีการตัดสินใจที่ดีแล้วได้รับผลลัพธ์ที่ดีก็ฟังดูเป็นเรื่องที่make sense เราเรียกมันว่า “deserved success” .
  2. ในทำนองเดียวกัน คุณเลือกที่จะไม่ดื่ม (good decision) แต่ทั้งที่ขับรถแบบมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน คุณก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ (bad outcome): มันเป็นไปได้ที่เราทำทุกอย่างถูกต้อง แต่ก็ยังเจอผลลัพธ์ที่ไม่ดี เพราะใครก็มี “bad day” กันทั้งนั้น .
  3. หรือในทางกลับกัน คุณเลือกที่จะดื่มแล้วขับ (bad decision) แล้ววันนั้นก็ดันถึงบ้านอย่างปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เจอด่าน (good outcome) เราเรียกว่าเป็น dumb luck หรือว่า ดวงล้วนๆเลยจ้า (ถึงจะเพราะโชคช่วยแต่คนส่วนใหญ่จะคิดว่าเป็นเพราะตัวเองมีฝีมือ เรื่องนี้เราจะเอาไว้คุยกันในโอกาสต่อไป) .
  4. สถานการณ์สุดท้ายคือ คุณเลือกที่จะดื่มแล้วขับ (bad decision) แล้วเกิดอุบัติเหตุ (bad outcome) … อันนี้คงเรียกได้ว่า เป็นความยุติธรรมอันงดงาม (ภาษาบ้านๆคือ ก็สมควรแล้ว)
Decision vs Outcome Matrix

Fooled by Luck

Daniel Kahneman นักเศรษฐศาสตร์รางวัล Nobel เจ้าของผลงานหนังสือขายดีเรื่อง Thinking fast and slow ได้อธิบายไว้ว่า เรามักจะให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จนเกินไป เพราะว่าสมองของเราต้องการฟีตแบคที่รวดเร็ว ทันที และ เข้าใจง่าย เราก็เลยคิดว่า การที่เราได้รับผลลัพธ์ที่ดี ก็เป็นตัวพิสูจน์แล้ว ว่าเรามีการตัดสินใจที่ดี

แล้วผลลัพธ์ หรือ ผลงานที่ผ่านมา ไม่ใช่บทพิสูจน์ที่ดีที่สุด ว่าคนๆนั้นมีฝีมือ หรือ เรียกว่า มีการตัดสินใจที่ดีหรอ?

เรามาลองดูตัวอย่างเรื่องเล่า จากหนังสือ Fooled by Randomness ของ Nassim Nicholas Taleb กันดูดีกว่า

สมมติว่า มีคนชวนคุณให้เอาเงินไปลงทุนด้วย และเค้าพิสูจน์ฝีมือตัวเอง โดยการส่งข้อความมาบอกคุณตอนต้นเดือน ว่าเดือนนี้ หุ้นจะขึ้นหรือจะลง เดือนแรกเค้าบอกว่าหุ้นจะขึ้น และก็เป็นตามนั้นจริงๆ เดือนที่สอง เค้าบอกว่าหุ้นจะลงและก็เป็นตามนั้นจริง

คุณได้ข้อสรุปว่า นี่คือคนที่ตัดสินใจลงทุนได้ดี (โดยดูจากผลลัพธ์) พอเดือนที่สาม คุณเลยมั่นใจและลงทุนเงินก้อนใหญ่แต่กลับเจ๊งไม่เป็นท่า

หลังจากนั้นคุณได้คุยกับเพื่อนบ้าน ซึ่งได้รับข้อความทำนายตลาดหุ้นเหมือนกัน แต่เพื่อนบ้านคุณไม่ได้ลงทุนกับ “ผู้เชี่ยวชาญ” คนนี้ เพราะว่า ข้อความที่ได้ในเดือนที่สอง เค้าทำนายผิด

จริงๆแล้ว สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ (ตัวปลอม) คนนี้ต้องทำ เพื่อหลอกเงินนักลงทุน ก็แค่ส่งข้อความหาคนสัก 1000 คนในเดือนแรก ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง อย่างละครึ่ง แล้วเดือนที่สอง ก็ส่งข้อความหานักลงทุน 500 คนที่เดือนแรกทายถูก ว่าเดือนถัดไปหุ้นจะขึ้นหรือลง อีกอย่างละครึ่ง ใช้เงินไม่กี่บาท ก็สร้างภาพลักษณ์ผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว

Good Decisions

ความจริง ที่คนจำนวนมากอาจจะไม่คุ้นเคย ก็คือ การตัดสินใจที่ดี ไม่ใช่เรื่องของการทำนายอนาคตที่แม่นยำ แต่เป็นการมี “process” หรือ “วิธี” ตัดสินใจที่ดี เช่น

  • การมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ว่าเราจะตัดสินใจเรื่องอะไร เพราะเราอยากได้รับผลลัพธ์อะไร (clear objectives)
  • การใช้ข้อมูลที่มีอยู่อย่างถูกต้องเหมาะสม
  • หรือการพิจารณาความไม่แน่นอน (uncertainties) หลักๆ ที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการตัดสินใจ

การเรียนรู้ process หรือ วิธี การตัดสินใจที่ดี เราเรียกมันว่า decision intelligence (บางที่เรียก decision science หรือ decision analysis) คือสิ่งที่สอนในมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Stanford หรือ ถูกนำไปใช้ในองค์กรระดับโลกอย่าง Google เพราะองค์กรพวกนี้ เข้าใจดีว่า ถึงแม้มันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่เราอาจจะเจอผลลัพธ์แย่ๆในบางครั้ง แต่การมีวิธีการตัดสินใจที่ดี จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกับเราในระยะยาว

ในชีวิตของพวกเราก็เช่นเดียวกัน ชีวิตเราจะดีหรือไม่ดีขึ้นกับ 2 ปัจจัย คือ ดวง และ คุณภาพการตัดสินใจ ซึ่งดวงคือสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่การตัดสินใจคือ skill ที่เราเรียนรู้ให้เก่งขึ้นได้

ในระยะยาวแล้ว การตัดสินใจที่ดี จะช่วยให้เราได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าผลลัพธ์แย่ๆ และลดการหวังพึ่งดวง อย่างที่ Naval Ravikant ได้พูดเอาไว้เกี่ยวกับ How to get rich without getting lucky ว่า ถ้ามีจักรวาลคู่ขนาน 1000 แห่ง วิธีที่ถูกต้อง จะทำให้คุณมั่งคั่ง ใน 999 จักรวาล การตัดสินใจที่ดีก็เช่นเดียวกัน


Discover more from Decision Booster

Subscribe to get the latest posts sent to your email.