
ด้วยความที่เราทั้งเรียนและทำงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่อง ‘การตัดสินใจ’ เลยทำให้ได้มีโอกาสรับฟัง ปัญหาคิดไม่ตก ของคนรอบตัวหลายๆคน
ปัญหาที่คนเราตัดสินใจไม่ได้ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นสถานการณ์ที่ต้องเลือกทางเดินชีวิต ที่ไม่ได้มีทางเลือกไหน ที่ดีกว่าทางเลือกอื่นอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความลังเล ไม่กล้าตัดสินใจ จนหลายครั้ง ทำให้เราพลาดอะไรดีๆในชีวิตไป
วันนี้เลยอยากเอาบทสัมภาษณ์ของ Daniel Gilbert จาก Hidden Brain Podcast ที่นำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของการตัดสินใจ และ ความสุข หรือ ความทุกข์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมาฝากกันค่ะ น่าจะช่วยให้เพื่อนๆปรับมุมมองเรื่องที่กำลังตัดสินใจอยู่ได้ไม่มากก็น้อย
- มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่คิดเกี่ยวกับอนาคต แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้เราทำนายอนาคตได้ถูกต้องมากขึ้นเลย แม้แต่อนาคตเกี่ยวกับ emotional response ของตัวเราเอง เช่น แค่ตอบตัวเองว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ x ขึ้นในอนาคต เราจะมีความสุข หรือ ความทุกข์ขนาดไหน เรายังทายไม่แม่นเลย
- Dan ยกตัวอย่างชีวิตตัวเองตอนผ่านช่วงชีวิตแย่ ทั้งหย่าร้าง ผ่าตัด เลิกคบกับเพื่อนสนิท โดยที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายใน 1 ปี ซึ่ง Dan บอกว่า ถ้ามาถามเค้า 1 ปี ก่อนเกิดเรื่องพวกนี้ เค้าคงคิดว่าตัวเองคงจะแย่มาก ทุกข์มาก (devastated) แต่พอมันเกิดขึ้นจริง มันก็เป็น bad year แต่ก็ไม่ได้โลกถล่มแบบที่คิดไว้
- การตัดสินใจที่ยากลำบาก (painful decisions) มันเจ็บปวดแค่ตอนก่อนตัดสินใจเท่านั้น พอเราตัดสินใจไปแล้ว เวลาผ่านไปเราจะรู้สึกว่าแบบ เฮ้ยย นี่ฉันเคยลังเลที่จะเลือกอีกทางได้ไงเนี่ยย!!!
- เหตุผลแรกเลยก็คือ พอเราตัดสินใจไปแล้ว สมองเราจะเริ่ม convince เราว่าทำไมทางที่เราเลือกถึงดีกว่าอีกทาง ซึ่งบางทีก็เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว (บางคนก็เรียกมันว่าเป็น coping mechanisms)
- เราอาจจะคิดว่า more freedom = more happiness แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น พอเราตัดสินใจอะไรที่ย้อนกลับไม่ได้ สมองเราจะหยุดคิดว่า what ifs แล้วโฟกัสกับทางเลือกตรงหน้า และเราจะมีความสุขมากขึ้น
- Dan ยกตัวอย่างตัวเอง ตอนขอแฟนสาวที่อยู่ด้วยกันมาสักพักแต่งงาน Dan บอกว่า โอ้โหวว พอเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว ก็รู้สึกรักแฟนมากขึ้นมาเลย 55555 (that’s the difference between living together and getting married. Dan บอก)
- เหตุผลที่สอง คือ คนที่ตัดสินใจ คือ ตัวเราตอนนี้ คนที่สุข หรือ ทุกข์ คือตัวเราในอนาคต ซึ่งเป็นคนละคนกับตัวเราในปัจจุบัน แต่เราจะคิดว่า ตัวเราในอนาคต ก็จะเหมือนตัวเราในปัจจุบันเนี่ยแหละ
- มนุษย์เรา ทำนายได้แย่มาก ว่าตัวเราในอนาคตจะเปลี่ยนไปยังไง ลองถามตัวเองดูก็ได้ว่า คิดว่าตัวเองในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนไปขนาดไหน เราจะคิดว่าเราจะแทบไม่เปลี่ยน ทีนี้ ลองถามตัวเองว่า 10 ปีที่ผ่านมา เราเปลี่ยนไปเยอะขนาดไหน …. ฉันตอบเลยว่า มากกกก ซึ่งไม่ว่าเราจะถามคนอายุ 18 ปี หรือ 58 ปี คำตอบก็จะเป็นแบบเดียวกัน
- เวลาคิดถึงอนาคต เราอาจจะคิดถึง scenario สัก 2-3 แบบที่อาจจะเกิดขึ้น แต่เพราะเราไม่ใช่ Dr. Strange (อันนี้ อ. Dan ไม่ได้กล่าว) เลยเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะคิดถึงรายละเอียดเล็กน้อยทุกอย่างที่อาจจะส่งผลต่อผลลัพธ์ เพราะงั้น เราเลยทำนายอนาคตได้ห่วยมาก be humble with your prediction
- ไม่มี training อะไรจะช่วยให้เราทำนายอนาคตเกี่ยวกับ ความสุข ความพอใจ ของเรา ให้แม่นขึ้นได้ แต่ยังมีวิธีที่ช่วยเราได้ ก็คือ คุยกับคนที่มีประสบการณ์ในแต่ละทางเลือกของเรา ว่าเค้ารู้สึกยังไง ซึ่งเราจะคิดว่า เรากับเค้าไม่เหมือนกันหรอก แต่จริงๆแล้ว คนเรามีความคล้ายกันมากกว่าที่คิด
- มีคนทำ study โดยให้คนที่เข้าร่วม speed dating เลือกข้อมูล 1 ชุด เกี่ยวกับคู่เดท ชุดแรก คือ profile ว่าคู่เดทเราเป็นคนยังไง มีลักษณะแบบไหน มีประวัติแบบไหน ส่วนข้อมูลชุดที่สองคือ ความเห็นของคนที่เคย speed date กับคู่เดทของเรา แทบทุกคนเลือกข้อมูลชุดแรก แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่ predict ว่าเราจะ happy กับคู่เดทของเรารึป่าว ได้ดีกว่ามาก คือข้อมูลชุดที่สอง
- Surrogation is a bad way to make predictions about your happiness except for the others หรือก็คือ การเอาประสบการณ์ของคนอื่นมาทำนายความสุขในอนาคตของตัวเอง ไม่ใช่วิธีที่ดี แต่ก็ดีกว่าวิธีอื่น (เหมือนที่ Winston Churchill เคยกล่าวว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ระบบการปกครองที่ดี แต่ก็ดีกว่าระบบอื่นที่มีอยู่)
- คนเราไม่ชอบ uncertainties ถึงแม้บางที มันจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นก็ตาม ลองคิดดูว่า ถ้าพรุ่งนี้เช้า เราได้ดอกไม้ช่อใหญ่จาก secret admirer เราจะพยายามหาว่า เอ๊ะใครนะ ส่งดอกไม้มาให้เรา แต่แทบจะการันตีได้ว่า ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร พอเรารู้คำตอบแล้ว เราจะ happy น้อยลง กว่าตอนที่เราไม่รู้
สิ่งที่คิดหลังจากฟังจบก็คือ
- การ wait and see โดยที่ยังไม่ตัดสินใจ อาจจะเป็น choice ที่ดี ถ้าเรารู้ว่า เรากำลังรอ uncertainty เรื่องอะไร unfold แล้วมันจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น (เราเรียกมันว่า real options) แต่ถ้าเป็นไม่ตัดสินใจเพราะลังเล ก็อาจจะเป็นอย่างที่ อ. Dan บอก ตัดสินใจไปเหอะ พอตัดสินใจแล้ว จะ happy ขึ้นเยอะ
- จริงๆการทำชีวิตให้มี happy surprise ก็ดีนะ เพราะมันทำให้เรามีความสุขกว่าเรื่องที่เราคาดหวังเอาไว้ซะอีก
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องความสุข (Happiness) มันเป็นเรื่องที่มีคนศึกษาจริงจังมากมาย เขียนออกมาเป็นหนังสือก็หลายเล่ม
หนึ่งในนั้น ก็คือ หนังสือ Stumbling on Happiness by Daniel Gilbert เป็นหนังสือเกี่ยวกับ happiness ที่ชอบมาก ใครสนใจ ลองไปหาอ่านกันได้นะคะ หรือตามไปฟัง อ. Dan ได้ในลิงค์นี้ https://hiddenbrain.org/podcast/decide-already/

Leave a comment