ประวัติย่อการตัดสินใจ: จากยุคแปลควันไฟ ถึงยุค AI เราเรียนรู้อะไร?

มนุษย์เรา พยายามค้นหาเครื่องมือ หรือ วิธีการต่างๆ ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีที่สุด เท่าที่เทคโนโลยีหรือแนวคิดของยุคสมัยจะอนุญาตให้เราทำได้ วันนี้วรรณจะมาเล่าให้ฟัง ว่าจากยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน วิธีการตัดสินใจของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน และเราได้เรียนรู้อะไรกันบ้าง

เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น ในบทความนี้ เราจะแบ่งพัฒนาการของวิธีตัดสินใจ เป็นช่วงเวลา 5 ยุคสมัย

ยุคโบราณ

ย้อนเวลาไปหลายพันปีที่แล้ว ที่เทคโนโลยีและศิลปวิทยาต่างๆยังไม่ถูกคิดค้นขึ้น มนุษย์เราเชื่อว่า สิ่งที่สามารถชี้แนะการตัดสินใจให้กับเราได้ คืออะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา อย่างเช่น พิธีกรรม ธรรมเนียมต่างๆ หรือ ข้อความจากพระเจ้า

เราแปลความหมายของความฝันหรือควันไฟ เพื่อทำนายอนาคต ชาวกรีกโบราณพึ่งพาคำพยากรณ์ของวิหารเดลฟี (The Oracle of Delphi) ซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวแทนของเทพ Apollo ชาวจีนโบราณยึดถือคัมภีร์อี้จิง ที่ถูกส่งต่อมาหลายพันปี

นอกจากเทพเจ้าและสิ่งลี้ลับแล้ว ในสมัยนั้น เราเชื่อฟังนักปราชญ์ของแต่ละยุคสมัย เช่นคนจีนดำเนินชีวิตตามคำสอนของขงจื๊อหรือเล่าจื๊อ ชาวกรีกโบราณดำเนินชีวิตตามคำสอนของ อริสโตเติล หรือ โสคราตีส เรียกได้ว่ายังเป็นความเชื่อแบบ localized

เกร็ดน่ารู้

49 ปี ก่อนคริสตกาล Julius Caesar นำทัพข้ามแม่น้ำ Rubicon ในช่วงสงครามกลางเมือง จนเป็นที่มาของ คำเปรียบเทียบในทางการตัดสินใจ Crossing the Rubicon คือการที่ใครสักคนตัดสินใจในเรื่องที่ไม่สามารถย้อนกลับได้

จุดกำเนิดคณิตศาสตร์

เวลาผ่านไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 9 เลขฮินดู อารบิก (0, 1, 2, 3, … ) ที่เราใช้กันทุกวันนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นและแพร่หลายไปทั้งอาณาจักรอาหรับ และนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เกิดความก้าวหน้าทางคณิตศาสตร์

เลขฮินดู อารบิก ถูกใช้เพื่อพัฒนาภาษาของการคิดคำนวณ ซึ่งต่อมาเป็นพื้นฐานของ Algebra และคณิตศาสตร์ที่จะมาเป็นพื้นฐานสำคัญของวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆจนถึงปัจจุบัน รวมถึงวิทยาศาสตร์การตัดสินใจ

ถ้าใครยังนึกไม่ออก ว่าทำไมเลขฮินดู อารบิก ถึงช่วยให้คณิตศาสตร์เติบโตงอกงามได้ ให้ลองบวกลบเลข โดยใช้เลขโรมันดู จะพอเข้าใจได้ (แค่คิดก็ปวดหัวแล้ววว 555)

ยุคเรืองปัญญา (Age of Enlightenment/ Age of Reason)

ในช่วงศตวรรษที่ 17 – ศตวรรษที่ 19 เป็นยุคที่มีการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมของเหล่าปัญญาชนในยุโรป มีการเปลี่ยนแปลงเชิงปรัชญาที่เชื่อว่าการใช้เหตุผลนั้นเหนือกว่าการเชื่อโชคลางและศาสนา

ในยุคนี้ เรามีนักปรัชญา และ นักคณิตศาสตร์หลายคน ที่ปูรากฐานสิ่งที่จะกลายเป็นวิทยาศาสตร์การตัดสินใจ (Decision Science) ในศตวรรษที่ 20 อย่างเช่น

  • Rene’ Descartes เสนอว่า เจ้าของประโยคคลาสสิค “I think, therefore I am” (Cogito ergo sum) เสนอว่า การใช้เหตุผลเป็นวิธีที่ดีกว่าในการแสวงหาความรู้ แทนที่จะใช้ประสบการณ์
  • Blaise Pascal และ Pierre de Fermat พัฒนาวิธีการคำนวนความน่าจะเป็น (probability) ของเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งต่อมา concept นี้ จะเป็นพื้นฐานสำคัญของวิชาเศรษฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ในปัจจุบัน
  • Daniel Bernoulli วางรากฐานวิชา Risk Science และการรับความเสี่ยงของคนเรา
  • Francis Galton ค้นพบ Regression to Mean ที่ว่า ในระยะยาว สิ่งที่ดูเหมือนเป็นค่าสุ่ม จะมีแนวโน้มกลับไปหาค่าเฉลี่ย ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่ถูกใช้ในตลาดหุ้นและการวิเคราะห์ทางธุรกิจมากมาย

Decision Science ในศตวรรษที่ 20

เข้าสู่ศตวรรษที่ 20 วิทยาศาสตร์การตัดสินใจกลายเป็นวิชาแขนงหนึ่งอย่างเป็นทางการ

  • Irving Fisher คิดค้นสิ่งที่เรียกว่า NPV (Net Present Value) ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือการตัดสินใจทางธุรกิจที่ถูกใช้แพร่หลายมากที่สุดในโลก
  • John von Neumann และ Oskar Morgenstern พัฒนา ทฤษฎีเกมส์ (Game Theory) เพื่อวิเคราะห์กลยุทธ์ของฝ่ายตรงข้าม
  • ช่วง 1950s – 1960s แนวคิดว่าคนเรา ไม่ได้ตัดสินใจตามหลักเหตุผลเริ่มมีบทบาทมากขึ้นจากงานวิจัยของ Herbert Simon และงานวิจัยของ Daniel Kahneman และ Amos Tversky ที่แสดงให้เห็นว่า cognitive biases ส่งผลกับการตัดสินใจของเราขนาดไหน
  • ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน Professor Ron Howard จากฝั่ง Stanford และ Professor Howard Raiffa จาก Harvard ได้เริ่มต้น field ที่เรียกว่า Decision Analysis ขึ้นมา ซึ่งรวมเอาศาสตร์ทางจิตวิทยา การบริหารจัดการ เศรษฐศาสตร์ เพื่อการตัดสินใจแบบเป็นระบบ

ยุคดิจิตอลและ AI

จนมาถึงยุคปัจจุบัน เราอยู่ในช่วงเวลาที่มีคอมพิวเตอร์อยู่ทุกบ้าน ทั้งคน ธุรกิจ รวมถึงภาครัฐใช้ประโยชน์จากทั้งข้อมูลจำนวนมหาศาล computing power ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน และ algorithm มาช่วยตัดสินใจเรื่องต่างๆ (จนถึงตอนนี้ บางคนบอกให้ ChatGPT คิดแทนดีกว่า ไม่คิดเองแล้ววว)

แต่การใช้ algorithm ตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มี bias ในเมื่อตัว algorithm เอง ก็เรียนรู้มากจากพวกเรา ที่เต็มไปด้วย bias เราคงต้องดูกันต่อไป ว่าช่วงเวลาที่คอมพิวเตอร์สามารถคิดแทนมนุษย์ได้จริงๆ หรือที่เราเรียกกันว่า AGI มันจะมาถึงในช่วงชีวิตของเรารึป่าว

บทสรุป

เวลาผ่านไปหลายพันปี มนุษย์เราเดินทางจากการแปลควันไฟเพื่อช่วยนำทางชีวิต มาจนถึงปัจจุบันที่คอมพิวเตอร์แทบจะคิดแทนเราได้ ถึงแม้ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆก็เปลี่ยนไปอย่างมากมาย แต่บางสิ่งก็ไม่เปลี่ยนไปเลย

นั่นก็คือ คนประเทศเรายังแปลควันไฟและแปลความฝันเหมือนเดิม …. เอ้ยไม่ใช่ แซวๆ ในความคิดแอด สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆแล้วก็คือ

  • ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาขึ้นขนาดไหน การตัดสินใจของเราจะมี biases อยู่เสมอ
  • และต่อให้เรามีเครื่องมือที่บอกว่าเราควรจะทำอะไร ได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้น การ take action ในสิ่งที่เราตัดสินใจไปแล้ว ก็ยังเป็นสิ่งที่ท้าทายมากอยู่ดี
  • things change ความรู้ ความเชื่อที่เราเคยมี เปลี่ยนแปลงได้ตลอด และอนาคตคือความไม่แน่นอน สิ่งที่เราทำได้คือการมี “ระบบการตัดสินใจ” ที่ดี ที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรารู้วันนี้ เลือกทางที่จะช่วยให้เราได้ในสิ่งที่ต้องการ ให้ได้มากที่สุด – that’s the best we can do

ที่มา: ส่วนใหญ่จากบทความ A Brief History of Decision Making from Harvard Business Review by Leigh Buchanan and Andrew O’Connell

Note:

  • อาจจะมีคนสงสัย ว่าทำไม มีแค่ Ron Howard และ Howard Raiffa ที่ถูกเรียกเป็น Professor ในบทความนี้ เพราะว่า Ron Howard เป็นทั้งอ.ของ PhD Supervisor และอ.ของ coauthor ของวรรณอีกที เลยเรียกติดปาก ตอนวรรณเริ่มเข้าสู่ field นี้ ก็เริ่มจากหนังสือของ Ron Howard และ Howard Raiffa นี่แหละ
  • ในปีนี้ 2024 เป็นปีที่ ทั้ง Daniel Kahneman และ Professor Ron Howard จากโลกนี้ไป บทความนี้เป็นบทความแรกของเพจ เลยอยากจะให้เป็น tribute ถึงบุคคลทั้งสองด้วยค่ะ May they rest in peace.

เพื่อนๆคิดยังไงบ้าง คอมเมนท์มาคุยกันนะคะ

#ทุกการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่การตัดสินใจ #DecisionChangesLife #DecisionBooster


Discover more from Decision Booster

Subscribe to get the latest posts sent to your email.


Comments

Leave a comment